ปัจจุบันการผ่าตัดเสริมหน้าอกได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะการมีหน้าอกที่สวยงาม สมส่วน จะช่วยเสริมความมั่นใจ และบุคลิกภาพที่ดูดีให้กับสาวๆ สำหรับใครที่มีแพลน ทำนม แล้วอยากรู้เกี่ยวกับ อาการหลังเสริมหน้าอก ต้องห้ามพลาดกับบทความในวันนี้ เพราะทาง Bujeong Clinic จะมาแชร์ผลข้างเคียงที่คนส่วนใหญ่มักพบเจอ และข้อควรปฏิบัติหลังเสริมหน้าอก จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย!
ผลข้างเคียงที่มักพบเจอหลัง ทำนม
การเสริมหน้าอกเป็นอีกหนี่งการผ่าตัดที่ได้รับความเสี่ยงมากที่สุด เพราะเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องมีการเปิดแผล และต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ ดังนั้น อาการหลังเสริมหน้าอก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเทคนิคและวิธีการผ่าตัดของแพทย์ รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด ซึ่งผลข้างเคียงส่วนใหญ่ที่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในช่วง 3-6 เดือนแรก มีดังนี้
1. ปวดหรือเจ็บบริเวณหน้าอก ในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังจากเสริมหน้าอกจะมีอาการปวด เพราะหลังจากผ่าตัดต้องนอนหงายเป็นระยะเวลานาน ด้วยผ้าที่รัดหน้าอก และน้ำหนักของซิลิโคนที่เพิ่มเข้ามาในร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บบริเวณหน้าอกได้ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับวิธีการผ่าตัด ขนาดของซิลิโคน และ การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดด้วย ถ้าภายใน 3-6 เดือน อาการปวดยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาศัลยแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดปัญหาซิลิโคนรั่ว หรือมีการอักเสบเกิดขึ้น
2. เกิดรอยช้ำ หลังผ่าตัดหน้าอกจะเกิดอาการบวมช้ำในช่วงอาทิตย์แรก สามารถใช้เจลเย็นช่วยประคบลดอาการบวมช้ำครั้งละ 30-45 นาที วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลาต่อเนื่อง จากนั้นรอยช้ำจะค่อยๆ จางหายไปเอง แต่ในกรณีที่มีรอยช้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นสัญญาณเตือนของเลือดออกภายใน
3. ไวต่อความรู้สึกน้อยลง อาการชาที่หัวนมหลังเสริมหน้าอก คือ ภาวะที่เกิดการยืดขยาย และเกิดการบอบช้ำต่อเส้นประสาท ซึ่งถือเป็นผลข้างเคียงอย่างหนึ่งของการทำศัลยกรรมหน้าอก โดยปกติแล้วอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเองภายใน 2-3 เดือน
4. มีเลือดหรือของเหลวไหลออกมา อาการหลังเสริมหน้าอก ในบางคนอาจมีเลือดหรือของเหลวอื่นๆ ไหลออกมาจากรอยแผลผ่าตัด หากมีช่วง 1-3 วันแรกหลังจากการผ่าตัดถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในกรณีที่มีเลือดออกมากผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษา
5. เกิดแผลเป็นหรือเกิดรอยแผลนูน อาการหลังศัลยกรรมหน้าอกที่เกิดขึ้นหลัง 6 เดือน หรือเกิดขึ้นหลังพักฟื้น คือ รอยแผลเป็น แต่ในบางรายเกิดเป็นรอยแผลนูนที่เห็นได้อย่างชัดเจน โดยวิธีป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นหรือแผลนูน ควรนวดบริเวณแผลเป็นพร้อมกับการทายา ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำยาที่ช่วยลดปัญหาแผลเป็น อย่างเช่น วิตามิน E, ฮีลูดอยด์ หรือ สเตียรอยด์ ควรนวดบริเวณแผลเป็นพร้อมกับการทายา จะทำให้แผลนิ่มและจางลงได้
อาการหลังเสริมหน้าอก แบบไหนที่ต้องระวัง
หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกมักจะเกิดผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับใครที่มีไม่แน่ใจว่าอาการเหล่านี้ผิดปกติหรือไม่? ในหัวข้อนี้เราจะมายกตัวอย่างอาการผิดปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากทำนม ถ้าหากใครสังเกตตัวเองแล้วพบว่ากำลังเจอกับอาการเหล่านี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ทันที เพราะถ้าหากปล่อยไว้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้
1. เกิดพังผืดหดรัดเต้านมเทียม เป็นปัญหาที่พบได้มากที่สุดสำหรับสาวๆ ที่ผ่านการทำศัลยกรรมหน้าอก ปัญหานี้มีสาเหตุการเกิด คือ เมื่อนำซิลิโคนใส่เข้าไปในร่างกาย ร่างกายจะตอบสนองโดยการสร้างพังผืดมาหุ้มไว้ ทำให้เกิดการบีบรัดซิลิโคน เมื่อคลำบริเวณหน้าอกจะรู้สึกแข็งเป็นก้อน หากปล่อยไว้นานจะส่งผลให้หน้าอกเสียรูปทรงได้
2. ซิลิโคนรั่วหรือซิลิโคนแตก เป็นภาวะแทรกซ้อนหลังการเสริมหน้าอกที่หลายคนกังวลมากที่สุด ซึ่งสาเหตุที่อาจทำให้ซิลิโคนแตกหรือรั่วเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ดังนี้
- ผู้ผ่าตัดเสริมหน้าอกเกิดอุบัติเหตุ หรือโดนของมีคม เกิดจากการนวด การกดทับอย่างรุนแรง
- รอบซิลิโคนเกิดพังผืดมากเกินไป อาจทำให้เกิดการรัดตัวจนทำให้ซิลิโคนรั่วได้
- เกิดการเสียหายจากเครื่องมือผ่าตัด หรือขั้นตอนการใส่ซิลิโคน เช่น ก่อนใส่เปิดเบ้าแล้วอัดซิลิโคนแน่นจนเกินไป ผู้ผ่าตัดจะรู้ได้จากผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น คือ มีอาการปวด แสบร้อนบริเวณหน้าอก และมีอาการเป็นไข้ร่วมด้วย
- ขึ้นอยู่กับอายุของซิลิโคนและการดูแลของแต่ละคน โดยปกติจะอยู่ระหว่าง 7-12 ปี
3. เกิดเลือดหรือน้ำเหลืองคั่ง สาเหตุนี้อาจเกิดจากขั้นตอนการผ่าตัดที่มีเลือดออกจำนวนมากจนไปอุดตันบริเวณช่องใส่ซิลิโคน ทำให้เกิดอาการรอยบวมช้ำ หากสังเกตตัวเองแล้วเกิดอาการเช่นนี้ ควรแก้ไขโดยการประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นให้ประคบอุ่นบริเวณหน้าอก นอนยกศีรษะสูงเป็นเวลา 7 วัน หากไม่ดีขึ้นควรรีบมาพบศัลยแพทย์ทันที
อีกสาเหตุที่ทำให้เลือดหรือน้ำเหลืองคั่งในช่องซิลิโคนหลังการผ่าตัด มักจะเกิดขึ้นกับซิลิโคนเต้านมประเภทผิวทราย ที่เกิดจากการเสียดสีของผิวทรายทำให้เกิดภาวะการอักเสบเรื้อรังของเนื้อเยื่อ และอาจนำไปสู่การเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองกลุ่ม BIA-ALCL
4. เกิดภาวะอักเสบแบบเรื้อรังของหน้าอก การผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน อาจเกิดการอักเสบแบบเฉียบพลันจนกลายเป็นการอักเสบแบบเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายต่อต้านซิลิโคนประเภทนั้นๆ จนสร้างพังผืดขึ้นมาเพื่อรัดซิลิโคน ทำให้รูปทรงของหน้าอกเกิดการผิดรูป
หรือเกิดการอักเสบจนทำให้มีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลออกมาจากช่องซิลิโคนได้ หากเกิดอาการเหล่านี้ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขทันที ซึ่งวิธีการแก้ไขสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ตามคำสั่งของแพทย์) หรือการผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคนแล้วเลือกขนาดที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับการผ่าตัดมากที่สุด
5. ถุงซิลิโคนเลื่อน อาการในลักษณะนี้มักเกิดขึ้นกับสาวๆ ที่มีรูปร่างเล็ก มีกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกน้อย หรือเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น ในบางรายอาจสังเกตได้จากทิศทางของหัวนมที่เริ่มชี้ลง หรือบางรายอาจสังเกตเห็นว่าถุงซิลิโคนเลื่อนต่ำลงมากจากตำแหน่งเดิม ทำให้ดูเหมือนว่าหัวนมอยู่สูงกว่าเต้านม
หากเกิดปัญหานี้ควรไปหาศัลยแพทย์เพื่อทำการยกกระชับ หรือถอดซิลิโคนออก แต่สำหรับใครที่ยังไม่เสริมหน้าอกแต่มีแพลนที่จะทำ ควรพิจารณาจากสรีระและความต้องการของตัวเองก่อนว่าเหมาะกับซิลิโคนประเภทไหน เพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดริ้วรอยและถุงซิลิโคนเลื่อน
ข้อควรปฏิบัติหลัง ทำนม
โดยปกติศัลยแพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเอง หลังเสริมหน้าอก ให้กับผู้ที่เข้ารับการรักษาอยู่แล้ว แต่การศึกษาวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้นก่อนจะรับฟังคำแนะนำจริง จะช่วยให้มีพื้นฐานในการขอคำแนะนำจากแพทย์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งวิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก มีดังนี้
- ท่านอนที่ถูกต้องหลักจากเสริมหน้าอก แนะนำให้นอนหงาย ยกหัวสูงประมาณ 45 องศา เป็นเวลา 7-8 วัน หรือจนกว่าจะรู้สึกสบายตัว เพราะถ้าหากนอนราบเกินไปแผลอาจเกิดการอักเสบได้
- แผลห้ามโดนน้ำเป็นเวลา 3-5 วันหลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอก ในระหว่างนี้หากต้องการความสะอาดแผล แนะนำให้ใช้น้ำเกลือหรือเบตาดีนเพื่อให้แผลแห้งไวขึ้น และโดนน้ำได้หลังจากผ่านไป 7-14 วัน
- การนวดเต้านมหลังเสริมหน้าอกจะช่วยทำให้รู้สึกสบายตัว แนะนำว่าให้นวดด้วยตัวเองเป็นประจำจะช่วยป้องกันพังผืด และทำให้เส้นประสาทฟื้นตัวได้เร็วขึ้น แต่ต้องนวดหลังจากที่แผลหายสนิทดีแล้ว หรือนวดหลังจากเสริมหน้าอก 1 เดือนขึ้นไปจะดีที่สุด
- ในช่วงแรกหลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอกต้องสวมเสื้อในสปอร์ตบาร์แบบซิป เพื่อบรรเทาอาการปวด และช่วยพยุงทรงเต้านมให้เคลื่อนไหวน้อยลง หลังจากนั้น 7 วันจึงจะสามารถเปลี่ยนเสื้อในเป็นแบบสวมได้ เน้นสวมใส่สบาย และมีขนาดพอดีไม่แน่นจนเกินไป
- ทายาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และมีโปรตีนสูง เพราะโปรตีนมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้แผลฟื้นตัวไวขึ้น
- งดทานวิตามิน อาหารเสริม และอาหารแสลง หลังจากทำนมเป็นระยะเวลา 1 เดือน เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้แผลบวมและหายช้าลง
- งดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์จนกว่าศัลยแพทย์จะอนุญาต
เป็นอย่างไรบ้างคะ? สำหรับผลข้างเคียง และข้อควรปฏิบัติหลังทำนมที่เราได้แนะนำไปในวันนี้ จากข้อมูลจะเห็นได้ว่าการดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอกเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะหากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น เช่น ซิลิโคนรั่ว แผลเปิด หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ อาจทำให้ต้องผ่าตัดแก้ไขหน้าอกใหม่
ดังนั้นเพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ต้องไม่ละเลยเรื่องการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด และสิ่งที่สำคัญที่สุดต้องเลือกคลินิกเสริมความงามที่ตั้งอยู่บนมาตรฐานความปลอดภัย มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ และติดตามผลข้างเคียงหลังผ่าตัดอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้คุณก็จะมีหน้าอกทรงสวย แถมปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงที่ตามมา
เลือก เสริมหน้าอก กับ Bujeong Clinic คลินิกเสริมความงามที่ส่งตรงจากเกาหลี
Bujeong Clinic (ศูนย์ศัลยกรรมพูจองคลินิก) เป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ให้บริการศัลยกรรม และ หัตถการ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ มาตรฐานความปลอดภัย โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งแพทย์ไทย และ แพทย์เกาหลี ที่มากด้วยประสบการณ์ ที่พร้อมจะเนรมิตให้คุณสวยแบบที่ต้องการ นอกจากนั้นแล้วพูจองคลินิกยังมีสาขาให้เลือกมากมายถึง 10 สาขา ทั้งในกรุงเทพ และ ต่างจังหวัด เพราะความสวยไม่รอใคร อยากสวยเลือกทำที่ Bujeong Clinic !
มั่นใจ ปลอดภัย และ ได้มาตรฐาน พูจองคลินิกส่งตรงความงาม แบบฉบับเกาหลี
สามารถติดตาม Bujeong Clinic สำหรับเสริมความงาม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong Clinic – พูจอง คลินิก
Line : @Bujeong-Clinic
Tel : 088-050-1111
สามารถติดตาม Bujeong Clinic Surgery Center สำหรับศัลยกรรม ช่องทางต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook : Bujeong surgery center
Line : @bujeongsurgery
Tel : 061-042-2999